วันพฤหัสบดีที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2553

เข้าใจพระธรรม ยน.4:23-24 เข้าใจพระธรรม ยน.4:23-24

เข้าใจพระธรรม ยน.4:23-24

เข้าใจพระธรรม ยน.4:23-24

3 ประการที่เราจะเรียนรู้ด้วยกัน

1) ใครคือผู้ที่เราควรนมัสการ
2) เราควรนมัสการอย่างไร
3) ทำไมเราต้องนมัสการอย่างถูกต้อง

1.พระเยซูสอนเราว่าใครคือผู้ที่เราควรจะนมัสการ

1.1 พระเยซูทรงเปิดเผยว่าเราควรนมัสการพระเจ้าที่ทรงสภาพ

- 1 พกษ.8:27 “แต่พระเจ้าจะทรงประทับที่แผ่นดินโลกหรือ ดูเถิด ฟ้าสวรรค์ และฟ้าสวรรค์อันสูงที่สุดยัง รับพระองค์อยู่ไม่ได้ พระนิเวศซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างขึ้นจะรับพระองค์ไม่ได้ยิ่งกว่านั้นสัก เท่าใด”

- สดด.139:7-8 “ข้าพระองค์จะไปไหน ให้พ้นพระวิญญาณของพระองค์ได้ หรือข้าพระองค์จะหนีไปให้พ้นพระพักตร์ของพระองค์ ถ้าข้าพระองค์ขึ้นไปยังสวรรค์ พระองค์ทรงสถิตที่นั้น ถ้าข้าพระองค์จะทำที่นอนไว้ในแดนผู้ตาย พระองค์ทรงสถิตที่นั่น” - ยรม.23:23 “พระเจ้าตรัสว่า เราเป็นพระเจ้าใกล้แค่คืบ มิใช่พระเจ้าที่อยู่ไกลด้วยดอกหรือ”

- อสย.40:28 “ท่านไม่เคยรู้หรือ ท่านไม่เคยได้ยินหรือ พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเนืองนิตย์ คือพระผู้สร้างที่สุดปลายแผ่นดินโลก พระองค์มิได้ทรงอ่อนเปลี้ยหรือเหน็ดเหนื่อย ความเข้าพระทัยของพระองค์เหลือที่จะหยั่งรู้ได้”

- โยบ.42:2 “ข้าพระองค์ทราบแล้วว่า พระองค์กระทำทุกสิ่งได้ และพระประสงค์ของพระองค์จะไม่หดหู่ไปได้เลย” -

- ยรม.32.27 “ดูเถิด เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของบรรดามนุษย์และสัตว์ทั้งสิ้น สำหรับเรามีสิ่งใดที่ยากเกินหรือ”

- มลค.3:6 เพราะว่าเราคือพระเจ้าไม่มีผันแปร โอ บุตรยาโคบเอ๋ย เจ้าทั้งหลายจึงไม่ถูกเผาผลาญหมด

- วว.1:17 “เมื่อข้าพเจ้าได้เห็นพระองค์ ข้าพเจ้าก็ล้มลงแทบพระบาทของพระองค์เหมือนกับคนที่ตายแล้ว แต่พระองค์ทรงแตะตัวข้าพเจ้าด้วยพระหัตถ์ขวา แล้วตรัสว่า “อย่ากลัวเลย เราเป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย”

1.2 พระเยซูทรงเปิดเผยว่า เราควรนมัสการพระบิดา - ยน.5:18

เหตุฉะนั้นพวกยิวยิ่งแสวงโอกาสที่จะฆ่าพระองค์ มิใช่เพราะพระองค์ล่วงกฎวันสะบาโตเท่านั้นแต่ยังได้เรียกพระเจ้าว่าเป็นบิดา ของตนด้วย ซึ่งเป็นการกระทำตนเสมอกับพระเจ้า

- ฉธบ.32.6 บอกเราว่าพระองค์เป็นผู้ให้ชีวิตกับเรา “ชนชาติโฉดเขลาและเบาความเอ๋ย ท่านจะตอบสนองพระเจ้าอย่างนี้ละหรือ พระองค์มิใช่พระบิดา ผู้สร้างท่านมาดอกหรือ ผู้ทรงสรรค์ท่าน และทำนุบำรุงท่านไว้”

- มธ.6:9 ท่านทั้งหลายจงอธิษฐานตามอย่างนี้ว่า “ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ”

- ปฐก.18:2 “ท่านเงยหน้าขึ้นมองดูเห็นชายสามคนยืนอยู่ข้างหน้าท่าน เมื่อท่านเห็นเขาทั้งสามท่านก็วิ่งจากประตูเต็นท์ไปต้อนรับเขากราบลงถึงดิน” - ปฐก.33:3 “ตัวเขาเองเดินออกหน้าไปก่อน กราบลงถึงดินเจ็ดหน จนเข้ามาใกล้พี่ชายของเขา”

- ปฐก.42:6 “ฝ่ายโยเซฟเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ท่านเป็นผู้ขายข้าวให้แก่บรรดาราษฎร พวกพี่ชายของ โยเซฟก็เข้ามากราบไหว้ท่าน ก้มหน้าลงถึงดิน”

- ยชว.22:5 แต่จงระวังให้มากที่จะปฎิบัติตามพระบัญญัติ และกฎหมายซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าบัญชาท่านไว้ คือที่จะรักพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน และดำเนินในพระมรรคาทั้งสิ้นของพระองค์ และรักษา พระบัญญัติของพระองค์ และติดพันอยู่กับพระองค์ และปรนนิบัติพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน” -

ยชว.23:7 เพื่อว่าท่านจะมิได้ปะปนกับประชาชาติเหล่านี้ ซึ่งเหลืออยู่ท่ามกลางท่านหรือออกชื่อพระของเขา หรือสาบานในนามพระของเขา หรือปรนนิบัติพระนั้นหรือกราบลงนมัสการพระนั้น

- ยชว.24:24 และประชาชนกล่าวแก่โยชูวาว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายจะปรนนิบัติพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพเจ้า และเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์”

- กจ.20:19 ข้าพเจ้าได้ปรนนิบัติพระเจ้าด้วยความถ่อมใจ ด้วยน้ำตาไหลและด้วยถูกการทดลอง ซึ่งมาถึง ข้าพเจ้าเพราะพวกยิวคิดร้ายต่อข้าพเจ้า

- รม.1:25 เพราะว่าเขาได้เอาความจริงเรื่องพระเจ้ามาแลกกับความเท็จ และได้นมัสการและได้ปรนนิบัติสิ่งที่ พระองค์ได้ทรงสร้างไว้ แทนพระองค์ผู้ทรงสร้าง ผู้ซึ่งควรจะได้รับความสรรเสริญเป็นนิตย์ อาเมน

2.พระเยซูทรงสอนว่าเราควรนมัสการพระเจ้าอย่างไร

2.1 นมัสการด้วยจิตวิญญาณ

- ยน.6:63 จิตวิญญาณเป็นที่ให้ชีวิต ส่วนเนื้อหนังไม่มีประโยชน์อันใดถ้อยคำซึ่งเราได้กล่าวกับท่านทั้งหลาย นั้นเป็นจิตวิญญาณและเป็นชีวิต

- มธ.10:28 “อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่มีอำนาจที่จะฆ่าจิตวิญญาณแต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ที่จะทำให้ทั้ง จิตวิญญาณทั้งกายพินาศในนรกได้”

- ยน.3:8 “ลม ใคร่จะพัดไปข้างไหนก็ข้างนั้น และท่านได้ยินเสียงลมนั้นแต่ท่านไม่รู้ว่าลมมา จากไหนและไปที่ไหน คนที่บังเกิดจากพระวิญญาณก็เป็นอย่างนั้นทุกคน”

- ปฐก.7:22 “บรรดาสัตว์ที่มีลมหายใจเข้าออกทางจมูก คือสัตว์ที่อาศัยอยู่บนบกก็ตายทั้งสิ้น”

- ยน.13:21 “เมื่อพระเยซูตรัสดังนั้นแล้ว พระองค์ก็เป็นทุกข์ในพระทัย และตรัสเป็นพยานว่า เราบอกความจริง แก่ท่านว่า คนหนึ่งในพวกท่านจะอายัดเราไว้”

- มก.2:8 “และในทันใดนั้นเมื่อพระเยซูทรงทราบในพระทัยว่า เขาคิดในใจอย่างนั้นจึงตรัสแก่เขาว่า เหตุไฉน ท่านทั้งหลายจึงคิดในใจอย่างนี้เล่า”

- ลก.8.55 “แล้ววิญญาณจิตก็กลับเข้าในเด็กนั้น เขาก็ลุกขึ้นทันที พระองค์จึงตรัสสั่งให้เอาอาหารมาให้เขากินบ้าง” - การนมัสการด้วยจิตวิญญาณ เป็นการให้พระวิญญาณของพระเจ้าเข้ามามีส่วนในชีวิตของเรา

ซึ่งเราสามารถทำได้ 5 ประการ คือ

1. บังเกิดใหม่ - ยน.3:1-5 - รม.12:2 “อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม” - 2คร.5:17 “เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่า ๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”

2. จิตวิญญาณของเขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระเจ้า - รม.8:16 “พระวิญญาณนั้นทรงเป็นพยานร่วมกับวิญญาณจิตของเราทั้งหลายว่า เราทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า” - 1คร.6:17 “แต่ส่วนคนที่ผูกพันกับองค์พระผู้เป็นเจ้าก็เป็นจิตใจอันเดียวกันกับ พระองค์”

3. การถวายชีวิตของเขาให้พระเจ้า - รม.12:1 “พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์เพื่อเป็นเครื่อง บูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และพอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยจิตวิญญาณของท่านทั้งหลาย”

4.ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำ - อฟ.5:18-19 18 และอย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน แต่จงประกอบด้วยพระวิญญาณ 19 จงปราศรัยกันด้วยเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงสรรเสริญ คือร้องเพลงสรรเสริญและสดุดีจากใจของท่านถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า

5.การกระทำความดี - ฮบ.13:16 จงอย่าละเลยที่จะกระทำการดี และจงแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า - 1 ปต.2:12 จงรักษาความประพฤติอันดีของท่านไว้ในหมู่คนต่างชาติ เพื่อว่าเมื่อมีคนติเตียนท่านว่าประพฤติชั่ว เขาจะได้เห็นการดีของท่าน และเขาจะได้สรรเสริญพระเจ้าในวันที่พระองค์เสด็จมา

การแบ่งปันข้าวของ - ฮบ.13:16 จงอย่าละเลยที่จะกระทำการดี และจงแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า *การดูแลผู้นำ - ฟป.4:18 ข้าพเจ้าได้รับครบ และมากกว่านั้นอีก ข้าพเจ้าก็อิ่มอยู่เพราะได้รับของจากเอปาโฟรดิทัส ซึ่งพวกท่านส่งไปให้เป็นกลิ่นหอมเป็นเครื่องบูชาที่ทรงโปรดและพอพระทัยของ พระเจ้า

2.2 นมัสการด้วยความจริง

- ยชว.24:14 “เหตุฉะนั้น จงยำเกรงพระเจ้าและปรนนิบัติพระองค์ด้วยความจริงใจ และด้วยความซื่อสัตย์จงทิ้งพระเหล่านั้นซึ่งบรรพบุรุษของท่านได้เคยปนนิบัต ิที่ฟากตะวันออกของแม่น้ำและในอียิปต์เสีย”
- 1ซมอ.12:24 จงยำเกรงพระเจ้าเท่านั้น ปรนนิบัติพระองค์ด้วยใจซื่อสัตย์สุจริต และด้วยสิ้นสุดใจของท่าน จงพิเคราะห์ถึงมหกิจซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำแก่ท่านแล้วนั้น - 1 พศด.28:9 ซาโลมอนบุตรของเราเอ๋ย เจ้าจงรู้จักพระเจ้า และจงปรนนิบัติพระองค์ด้วยใจจริงและด้วยความเต็มใจของเจ้า เพราะพระเจ้าทรงพิจารณาจิตใจทั้งปวง และทรงเข้าใจในแผนงานและความคิดทั้งปวง ถ้าเจ้าแสวงหาพระองค์เจ้าจะพบพระองค์ แต่ถ้าเจ้าทอดทิ้งพระองค์ พระองค์จะทรงเหวี่ยงเจ้าออกไป เสียเป็นนิตย์
- สดด.17:1 “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงสดับความฝ่ายยุติธรรม ทรงฟังคำร้องทูลของข้าพระองค์ ขอทรงเงี่ยพระกรรณ ฟังคำอธิษฐานจากริมฝีปากที่ไม่มีการหลอกลวงของข้าพระองค์”
- ยน.17:17 “ขอทรงโปรดชำระเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง”

พระคัมภีร์สอนให้เราแสดงออกในการนมัสการอย่างไรบ้าง

1. ด้วยการร้องเพลง - สดด.95:1 “มาเถิดให้เราทั้งหลายร้องเพลงถวายพระเจ้า ให้เรากระทำเสียงชื่นบานถวายพระศิลาแห่งความรอดของพวกเรา”
2. ด้วยการโห่ร้อง - สดด.47:1 “ดูก่อนชนชาติทั้งหลาย จงตบมือ จงโห่ร้องถวายพระเจ้าด้วยเสียงไชโย”
3. ด้วยการปรบมือ - สดด.47:1 “ดูก่อนชนชาติทั้งหลาย จงตบมือ จงโห่ร้องถวายพระเจ้าด้วยเสียงไชโย”
4. ด้วยการชูมือ - สดด.63:4 “เช่นนั้นแหละ ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ ตราบเท่าชีวิตของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะชูมือ ต่อพระนามของพระองค์”
5. ด้วยการยืนขึ้น - สดด.134:1 “มาเถิดมาถวายสาธุการแด่พระเจ้า บรรดาท่านผู้รับใช้ทั้งสิ้นของพระเจ้า ผู้ยืนอยู่ในพระนิเวศ พระเจ้าในกลางคืน”
6. ด้วยการคุกเข่าลงและก้มกราบ - สดด.95.6 “มาเถิดให้เรานมัสการและกราบลง ให้เราคุกเข่าลงต่อพระเจ้าผู้ทรงสร้างพวกเรา”
7. ด้วยการใช้คำพูด - สดด.51.15 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงเบิกริมฝีปากของข้าพระองค์ และปากของข้าพระองค์จะสำแดง การสรรเสริญพระองค์”
8. ด้วยการลิงโลดเต้นรำ - สดด.149.3 “ให้เขาสรรเสริญพระนามของพระองค์ด้วยเต้นรำ ถวายเพลงแด่พระองค์ด้วยรำมะนาและพิณเขาคู่”
9. ด้วยการร้องเพลงบทใหม่ - สดด.40:3 “พระองค์ทรงบรรจุเพลงใหม่ในปากข้าพเจ้า เป็นบทเพลงสรรเสริญพระเจ้าของเรา คนเป็นอันมาก จะเห็นและเกรงกลัวและวางใจในพระเจ้า”
10. ด้วยการใช้เครื่องดนตรี - สดด.150.3-5 “จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงแตร จงสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณเขาคู่และพิณใหญ่ จงสรรเสริญพระองค์ด้วยรำมะนาและการเต้นรำ จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเครื่องสายและปี่ จงสรรเสริญ พระองค์ด้วยเสียงฉิ่ง จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงฉาบ”

3. พระเยซูบอกเราว่าทำไมเราต้องนมัสการอย่างถูกต้อง

3.1 พระเจ้าทรงแสวงหาอยากจะพบในเราในการนมัสการอย่างถูกต้อง
3.2 การนมัสการจะมีผลต่อชีวิตของเรา พระองค์อยากพบธรรมชาติของพระองค์ในชีวิตของเราทยิ่งเรานมัสการพระเจ้าเราจะ เป็นเหมือนพระเจ้ามากขึ้นในบุคลิกภาพ - สดด.115.8 “ผู้ที่ทำรูปเหล่านั้นจะเป็นเหมือนรูปเหล่านั้น

เข้าใจพระธรรม ยน.4:23-24 เข้าใจพระธรรม ยน.4:23-24

เข้าใจพระธรรม ยน.4:23-24

เข้าใจพระธรรม ยน.4:23-24

3 ประการที่เราจะเรียนรู้ด้วยกัน

1) ใครคือผู้ที่เราควรนมัสการ
2) เราควรนมัสการอย่างไร
3) ทำไมเราต้องนมัสการอย่างถูกต้อง

1.พระเยซูสอนเราว่าใครคือผู้ที่เราควรจะนมัสการ

1.1 พระเยซูทรงเปิดเผยว่าเราควรนมัสการพระเจ้าที่ทรงสภาพ

- 1 พกษ.8:27 “แต่พระเจ้าจะทรงประทับที่แผ่นดินโลกหรือ ดูเถิด ฟ้าสวรรค์ และฟ้าสวรรค์อันสูงที่สุดยัง รับพระองค์อยู่ไม่ได้ พระนิเวศซึ่งข้าพระองค์ได้สร้างขึ้นจะรับพระองค์ไม่ได้ยิ่งกว่านั้นสัก เท่าใด”

- สดด.139:7-8 “ข้าพระองค์จะไปไหน ให้พ้นพระวิญญาณของพระองค์ได้ หรือข้าพระองค์จะหนีไปให้พ้นพระพักตร์ของพระองค์ ถ้าข้าพระองค์ขึ้นไปยังสวรรค์ พระองค์ทรงสถิตที่นั้น ถ้าข้าพระองค์จะทำที่นอนไว้ในแดนผู้ตาย พระองค์ทรงสถิตที่นั่น” - ยรม.23:23 “พระเจ้าตรัสว่า เราเป็นพระเจ้าใกล้แค่คืบ มิใช่พระเจ้าที่อยู่ไกลด้วยดอกหรือ”

- อสย.40:28 “ท่านไม่เคยรู้หรือ ท่านไม่เคยได้ยินหรือ พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าเนืองนิตย์ คือพระผู้สร้างที่สุดปลายแผ่นดินโลก พระองค์มิได้ทรงอ่อนเปลี้ยหรือเหน็ดเหนื่อย ความเข้าพระทัยของพระองค์เหลือที่จะหยั่งรู้ได้”

- โยบ.42:2 “ข้าพระองค์ทราบแล้วว่า พระองค์กระทำทุกสิ่งได้ และพระประสงค์ของพระองค์จะไม่หดหู่ไปได้เลย” -

- ยรม.32.27 “ดูเถิด เราคือพระเยโฮวาห์พระเจ้าของบรรดามนุษย์และสัตว์ทั้งสิ้น สำหรับเรามีสิ่งใดที่ยากเกินหรือ”

- มลค.3:6 เพราะว่าเราคือพระเจ้าไม่มีผันแปร โอ บุตรยาโคบเอ๋ย เจ้าทั้งหลายจึงไม่ถูกเผาผลาญหมด

- วว.1:17 “เมื่อข้าพเจ้าได้เห็นพระองค์ ข้าพเจ้าก็ล้มลงแทบพระบาทของพระองค์เหมือนกับคนที่ตายแล้ว แต่พระองค์ทรงแตะตัวข้าพเจ้าด้วยพระหัตถ์ขวา แล้วตรัสว่า “อย่ากลัวเลย เราเป็นเบื้องต้นและเป็นเบื้องปลาย”

1.2 พระเยซูทรงเปิดเผยว่า เราควรนมัสการพระบิดา - ยน.5:18

เหตุฉะนั้นพวกยิวยิ่งแสวงโอกาสที่จะฆ่าพระองค์ มิใช่เพราะพระองค์ล่วงกฎวันสะบาโตเท่านั้นแต่ยังได้เรียกพระเจ้าว่าเป็นบิดา ของตนด้วย ซึ่งเป็นการกระทำตนเสมอกับพระเจ้า

- ฉธบ.32.6 บอกเราว่าพระองค์เป็นผู้ให้ชีวิตกับเรา “ชนชาติโฉดเขลาและเบาความเอ๋ย ท่านจะตอบสนองพระเจ้าอย่างนี้ละหรือ พระองค์มิใช่พระบิดา ผู้สร้างท่านมาดอกหรือ ผู้ทรงสรรค์ท่าน และทำนุบำรุงท่านไว้”

- มธ.6:9 ท่านทั้งหลายจงอธิษฐานตามอย่างนี้ว่า “ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ”

- ปฐก.18:2 “ท่านเงยหน้าขึ้นมองดูเห็นชายสามคนยืนอยู่ข้างหน้าท่าน เมื่อท่านเห็นเขาทั้งสามท่านก็วิ่งจากประตูเต็นท์ไปต้อนรับเขากราบลงถึงดิน” - ปฐก.33:3 “ตัวเขาเองเดินออกหน้าไปก่อน กราบลงถึงดินเจ็ดหน จนเข้ามาใกล้พี่ชายของเขา”

- ปฐก.42:6 “ฝ่ายโยเซฟเป็นผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน ท่านเป็นผู้ขายข้าวให้แก่บรรดาราษฎร พวกพี่ชายของ โยเซฟก็เข้ามากราบไหว้ท่าน ก้มหน้าลงถึงดิน”

- ยชว.22:5 แต่จงระวังให้มากที่จะปฎิบัติตามพระบัญญัติ และกฎหมายซึ่งโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าบัญชาท่านไว้ คือที่จะรักพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน และดำเนินในพระมรรคาทั้งสิ้นของพระองค์ และรักษา พระบัญญัติของพระองค์ และติดพันอยู่กับพระองค์ และปรนนิบัติพระองค์ด้วยสุดจิตสุดใจของท่าน” -

ยชว.23:7 เพื่อว่าท่านจะมิได้ปะปนกับประชาชาติเหล่านี้ ซึ่งเหลืออยู่ท่ามกลางท่านหรือออกชื่อพระของเขา หรือสาบานในนามพระของเขา หรือปรนนิบัติพระนั้นหรือกราบลงนมัสการพระนั้น

- ยชว.24:24 และประชาชนกล่าวแก่โยชูวาว่า “ข้าพเจ้าทั้งหลายจะปรนนิบัติพระเยโฮวาห์พระเจ้าของข้าพเจ้า และเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์”

- กจ.20:19 ข้าพเจ้าได้ปรนนิบัติพระเจ้าด้วยความถ่อมใจ ด้วยน้ำตาไหลและด้วยถูกการทดลอง ซึ่งมาถึง ข้าพเจ้าเพราะพวกยิวคิดร้ายต่อข้าพเจ้า

- รม.1:25 เพราะว่าเขาได้เอาความจริงเรื่องพระเจ้ามาแลกกับความเท็จ และได้นมัสการและได้ปรนนิบัติสิ่งที่ พระองค์ได้ทรงสร้างไว้ แทนพระองค์ผู้ทรงสร้าง ผู้ซึ่งควรจะได้รับความสรรเสริญเป็นนิตย์ อาเมน

2.พระเยซูทรงสอนว่าเราควรนมัสการพระเจ้าอย่างไร

2.1 นมัสการด้วยจิตวิญญาณ

- ยน.6:63 จิตวิญญาณเป็นที่ให้ชีวิต ส่วนเนื้อหนังไม่มีประโยชน์อันใดถ้อยคำซึ่งเราได้กล่าวกับท่านทั้งหลาย นั้นเป็นจิตวิญญาณและเป็นชีวิต

- มธ.10:28 “อย่ากลัวผู้ที่ฆ่าได้แต่กาย แต่ไม่มีอำนาจที่จะฆ่าจิตวิญญาณแต่จงกลัวพระองค์ผู้ทรงฤทธิ์ที่จะทำให้ทั้ง จิตวิญญาณทั้งกายพินาศในนรกได้”

- ยน.3:8 “ลม ใคร่จะพัดไปข้างไหนก็ข้างนั้น และท่านได้ยินเสียงลมนั้นแต่ท่านไม่รู้ว่าลมมา จากไหนและไปที่ไหน คนที่บังเกิดจากพระวิญญาณก็เป็นอย่างนั้นทุกคน”

- ปฐก.7:22 “บรรดาสัตว์ที่มีลมหายใจเข้าออกทางจมูก คือสัตว์ที่อาศัยอยู่บนบกก็ตายทั้งสิ้น”

- ยน.13:21 “เมื่อพระเยซูตรัสดังนั้นแล้ว พระองค์ก็เป็นทุกข์ในพระทัย และตรัสเป็นพยานว่า เราบอกความจริง แก่ท่านว่า คนหนึ่งในพวกท่านจะอายัดเราไว้”

- มก.2:8 “และในทันใดนั้นเมื่อพระเยซูทรงทราบในพระทัยว่า เขาคิดในใจอย่างนั้นจึงตรัสแก่เขาว่า เหตุไฉน ท่านทั้งหลายจึงคิดในใจอย่างนี้เล่า”

- ลก.8.55 “แล้ววิญญาณจิตก็กลับเข้าในเด็กนั้น เขาก็ลุกขึ้นทันที พระองค์จึงตรัสสั่งให้เอาอาหารมาให้เขากินบ้าง” - การนมัสการด้วยจิตวิญญาณ เป็นการให้พระวิญญาณของพระเจ้าเข้ามามีส่วนในชีวิตของเรา

ซึ่งเราสามารถทำได้ 5 ประการ คือ

1. บังเกิดใหม่ - ยน.3:1-5 - รม.12:2 “อย่าประพฤติตามอย่างคนในยุคนี้ แต่จงรับการเปลี่ยนแปลงจิตใจ แล้วอุปนิสัยของท่านจึงจะเปลี่ยนใหม่ เพื่อท่านจะได้ทราบน้ำพระทัยของพระเจ้า จะได้รู้ว่าอะไรดี อะไรเป็นที่ชอบพระทัยและอะไรดียอดเยี่ยม” - 2คร.5:17 “เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่า ๆ ก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น”

2. จิตวิญญาณของเขาเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระเจ้า - รม.8:16 “พระวิญญาณนั้นทรงเป็นพยานร่วมกับวิญญาณจิตของเราทั้งหลายว่า เราทั้งหลายเป็นบุตรของพระเจ้า” - 1คร.6:17 “แต่ส่วนคนที่ผูกพันกับองค์พระผู้เป็นเจ้าก็เป็นจิตใจอันเดียวกันกับ พระองค์”

3. การถวายชีวิตของเขาให้พระเจ้า - รม.12:1 “พี่น้องทั้งหลาย ด้วยเหตุนี้โดยเห็นแก่ความเมตตากรุณาของพระเจ้า ข้าพเจ้าจึงวิงวอนท่านทั้งหลายให้ถวายตัวของท่านแด่พระองค์เพื่อเป็นเครื่อง บูชาที่มีชีวิตอันบริสุทธิ์และพอพระทัยพระเจ้า ซึ่งเป็นการนมัสการโดยจิตวิญญาณของท่านทั้งหลาย”

4.ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ทรงนำ - อฟ.5:18-19 18 และอย่าเมาเหล้าองุ่นซึ่งจะทำให้เสียคน แต่จงประกอบด้วยพระวิญญาณ 19 จงปราศรัยกันด้วยเพลงสดุดี เพลงนมัสการ และเพลงสรรเสริญ คือร้องเพลงสรรเสริญและสดุดีจากใจของท่านถวายองค์พระผู้เป็นเจ้า

5.การกระทำความดี - ฮบ.13:16 จงอย่าละเลยที่จะกระทำการดี และจงแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า - 1 ปต.2:12 จงรักษาความประพฤติอันดีของท่านไว้ในหมู่คนต่างชาติ เพื่อว่าเมื่อมีคนติเตียนท่านว่าประพฤติชั่ว เขาจะได้เห็นการดีของท่าน และเขาจะได้สรรเสริญพระเจ้าในวันที่พระองค์เสด็จมา

การแบ่งปันข้าวของ - ฮบ.13:16 จงอย่าละเลยที่จะกระทำการดี และจงแบ่งปันข้าวของซึ่งกันและกัน เพราะเครื่องบูชาอย่างนั้นเป็นที่พอพระทัยพระเจ้า *การดูแลผู้นำ - ฟป.4:18 ข้าพเจ้าได้รับครบ และมากกว่านั้นอีก ข้าพเจ้าก็อิ่มอยู่เพราะได้รับของจากเอปาโฟรดิทัส ซึ่งพวกท่านส่งไปให้เป็นกลิ่นหอมเป็นเครื่องบูชาที่ทรงโปรดและพอพระทัยของ พระเจ้า

2.2 นมัสการด้วยความจริง

- ยชว.24:14 “เหตุฉะนั้น จงยำเกรงพระเจ้าและปรนนิบัติพระองค์ด้วยความจริงใจ และด้วยความซื่อสัตย์จงทิ้งพระเหล่านั้นซึ่งบรรพบุรุษของท่านได้เคยปนนิบัต ิที่ฟากตะวันออกของแม่น้ำและในอียิปต์เสีย”
- 1ซมอ.12:24 จงยำเกรงพระเจ้าเท่านั้น ปรนนิบัติพระองค์ด้วยใจซื่อสัตย์สุจริต และด้วยสิ้นสุดใจของท่าน จงพิเคราะห์ถึงมหกิจซึ่งพระองค์ได้ทรงกระทำแก่ท่านแล้วนั้น - 1 พศด.28:9 ซาโลมอนบุตรของเราเอ๋ย เจ้าจงรู้จักพระเจ้า และจงปรนนิบัติพระองค์ด้วยใจจริงและด้วยความเต็มใจของเจ้า เพราะพระเจ้าทรงพิจารณาจิตใจทั้งปวง และทรงเข้าใจในแผนงานและความคิดทั้งปวง ถ้าเจ้าแสวงหาพระองค์เจ้าจะพบพระองค์ แต่ถ้าเจ้าทอดทิ้งพระองค์ พระองค์จะทรงเหวี่ยงเจ้าออกไป เสียเป็นนิตย์
- สดด.17:1 “ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงสดับความฝ่ายยุติธรรม ทรงฟังคำร้องทูลของข้าพระองค์ ขอทรงเงี่ยพระกรรณ ฟังคำอธิษฐานจากริมฝีปากที่ไม่มีการหลอกลวงของข้าพระองค์”
- ยน.17:17 “ขอทรงโปรดชำระเขาให้บริสุทธิ์ด้วยความจริง พระวจนะของพระองค์เป็นความจริง”

พระคัมภีร์สอนให้เราแสดงออกในการนมัสการอย่างไรบ้าง

1. ด้วยการร้องเพลง - สดด.95:1 “มาเถิดให้เราทั้งหลายร้องเพลงถวายพระเจ้า ให้เรากระทำเสียงชื่นบานถวายพระศิลาแห่งความรอดของพวกเรา”
2. ด้วยการโห่ร้อง - สดด.47:1 “ดูก่อนชนชาติทั้งหลาย จงตบมือ จงโห่ร้องถวายพระเจ้าด้วยเสียงไชโย”
3. ด้วยการปรบมือ - สดด.47:1 “ดูก่อนชนชาติทั้งหลาย จงตบมือ จงโห่ร้องถวายพระเจ้าด้วยเสียงไชโย”
4. ด้วยการชูมือ - สดด.63:4 “เช่นนั้นแหละ ข้าพระองค์จะสรรเสริญพระองค์ ตราบเท่าชีวิตของข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะชูมือ ต่อพระนามของพระองค์”
5. ด้วยการยืนขึ้น - สดด.134:1 “มาเถิดมาถวายสาธุการแด่พระเจ้า บรรดาท่านผู้รับใช้ทั้งสิ้นของพระเจ้า ผู้ยืนอยู่ในพระนิเวศ พระเจ้าในกลางคืน”
6. ด้วยการคุกเข่าลงและก้มกราบ - สดด.95.6 “มาเถิดให้เรานมัสการและกราบลง ให้เราคุกเข่าลงต่อพระเจ้าผู้ทรงสร้างพวกเรา”
7. ด้วยการใช้คำพูด - สดด.51.15 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ขอทรงเบิกริมฝีปากของข้าพระองค์ และปากของข้าพระองค์จะสำแดง การสรรเสริญพระองค์”
8. ด้วยการลิงโลดเต้นรำ - สดด.149.3 “ให้เขาสรรเสริญพระนามของพระองค์ด้วยเต้นรำ ถวายเพลงแด่พระองค์ด้วยรำมะนาและพิณเขาคู่”
9. ด้วยการร้องเพลงบทใหม่ - สดด.40:3 “พระองค์ทรงบรรจุเพลงใหม่ในปากข้าพเจ้า เป็นบทเพลงสรรเสริญพระเจ้าของเรา คนเป็นอันมาก จะเห็นและเกรงกลัวและวางใจในพระเจ้า”
10. ด้วยการใช้เครื่องดนตรี - สดด.150.3-5 “จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงแตร จงสรรเสริญพระองค์ด้วยพิณเขาคู่และพิณใหญ่ จงสรรเสริญพระองค์ด้วยรำมะนาและการเต้นรำ จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเครื่องสายและปี่ จงสรรเสริญ พระองค์ด้วยเสียงฉิ่ง จงสรรเสริญพระองค์ด้วยเสียงฉาบ”

3. พระเยซูบอกเราว่าทำไมเราต้องนมัสการอย่างถูกต้อง

3.1 พระเจ้าทรงแสวงหาอยากจะพบในเราในการนมัสการอย่างถูกต้อง
3.2 การนมัสการจะมีผลต่อชีวิตของเรา พระองค์อยากพบธรรมชาติของพระองค์ในชีวิตของเราทยิ่งเรานมัสการพระเจ้าเราจะ เป็นเหมือนพระเจ้ามากขึ้นในบุคลิกภาพ - สดด.115.8 “ผู้ที่ทำรูปเหล่านั้นจะเป็นเหมือนรูปเหล่านั้น